= 1 && number! = 4) digitalWrite (a, LOW); //เมื่อมีสถานะเป็น LOW ไฟจะติด เพราะเป็นแบบ Common Anode //เงื่อนไขที่ Segment b ไฟติด if (number! = 5 && number! = 6) digitalWrite (b, LOW); //เงื่อนไขที่ Segment c ไฟติด if (number! = 2) digitalWrite (c, LOW); //เงื่อนไขที่ Segment d ไฟติด if (number! = 1 && number! = 4 && number! = 7) digitalWrite (d, LOW); //เงื่อนไขที่ Segment e ไฟติด เมื่อเป็นเลข 2 หรือ 6 หรือ 8 หรือ 0 if (number == 2 || number == 6 || number == 8 || number == 0) digitalWrite (e, LOW); //เงื่อนไขที่ Segment f ไฟติด if (number! = 1 && number! = 2 && number! = 3 && number! = 7) digitalWrite (f, LOW); //เงื่อนไขที่ Segment g ไฟติด if (number! = 0 && number! = 1 && number!
01uF ดังนั้นตั้งค่าความถี่จะได้จากการเปลี่ยนค่า RT เอาครับ ส่วนค่า RT ที่แสดงไว้ในวงจรนี้จะปรับความถี่ได้ตั้งแต่ 20kHz ไปจนถึง 100 kHz ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการทดลองเกี่ยวกับคอนเวอร์เตอร์ขั้นพื้นฐานแล้ว จากวงจรจะเห็นว่าที่ขา 4 นั้นต่อลงกราวด์เอาไว้ ดังนั้นค่าเวลาเผื่อ (dead-time) ของวงจรจะอยู่ที่ประมาณ 3% คือ ความกว้างสูงสุดของพลัส์หรือค่า duty cycle จะอยู่ที่ 97% ส่วนการตั้งค่าเวลาเผื่อให้ได้มากกว่า 3% (ซึ่งอาจจำเป็นสำหรับโหมด Push-pull เพื่อไม่ให้เพาเวอร์ทรานซิสเตอร์ 2 ตัวนำกระแสพร้อมกัน) ตามคู่มือบอกว่าให้จ่ายแรงดันให้ที่ขา 4 ตั้งแต่ 0V ถึง 3. 3V แทนการต่อลงกราวด์ ซึ่งจะปรับค่าเวลาเผื่อได้จาก 3% ไปจนถึง 100% ครับ การปรับค่าความกว้างพัลส์ (ค่า Duty cycle) ใช้วิธีปรับค่าแรงดันที่ป้อนให้ขา 3 ในวงจรนี้ใช้ค่าแรงดันอ้างอิง 5V ของไอซีที่ขา 4 ได้เลยเพราะแรงดันที่ขา 3 หรือ Feedback เริ่มจาก 0. 7V (Duty cycle สูงสุด) ไปจนถึง 4.