นำเสื้อผ้าที่เปื้อนหมึกมากางลงบนโต๊ะเลยจ้า 2. เอากระดาษ A4 (กระดาษใหม่ 1 แผ่น) พับครึ่งแล้ว มาวางสอดระหว่างเสื้อที่เปื้อน เพื่อป้องกันการซึมลงไปยังบริเวณที่ไม่เปื้อน 3. เอาสำลีชุปน้ำยาล้างเล็บ แล้วก็เช็ดลงไปบริเวณที่เปื้อนหมึก เช็ดแรง ๆ ลงไปเลยค่ะเช็ดซ้ำ ๆ จะสังเกตเห็นหมึกละลายกระจายออกเป็นวงก็เช็ดไปเรื่อย ๆ จนหมึกจางลง จนมองไม่เห็น ถ้าเปื้อนนิดเดียวจะเช็ดออกง่าย แต่ถ้าเปื้อนมากต้องใช้เวลานานหน่อย น้ำยาล้างเล็บ 1 ขวดอาจจะไม่พอ หลังจากที่เช็ดหมึกออก ถ้าหมึกจางลงจนมองไม่เห็นคราบแล้ว 4.
ที่แสดงบนฉลากว่าเลขสารบบอาหาร ซึ่ง "เลขสารบบอาหาร" คือ เลขประจำตัวผลิตภัณฑ์อาหาร จะเป็นตัวเลข 13 หลัก แสดงอยู่ภายในกรอบเครื่องหมาย อย. ถูกนำมาใช้แทนตัวอักษรและตัวเลข โดยอยู่ในกรอบเครื่องหมาย อย. แบบเดิม เลขสารบบอาหารนี้จะระบุข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสถานที่ และข้อมูลผลิตภัณฑ์อาหารครบถ้วนมากกว่าในอดีต ช่วยให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบง่ายขึ้น เครื่องหมาย อย. เชื่อได้แค่ไหน? การที่มีเครื่องหมาย อย. หมายถึงผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้การผ่านเกณฑ์การตรวจสอบจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น และสิ่งที่ผู้เขียนอยากให้ทราบเพิ่มเติมมีดังนี้ 1. ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์นั้น ทาง อย. ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งหมด เจ้าของสินค้าจะยื่นข้อมูลส่วนประกอบ จากนั้น อย. เพียงแค่พิจารณาปริมาณส่วนผสมว่าปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค 2. ส่วนประกอบที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ กับส่วนประกอบที่ยื่นกับ อย. อาจไม่ตรงกัน คือ จดอีกอย่าง ใส่จริงอีกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งอันนี้ผู้ผลิตคิดไม่ซื่อแน่นอน ผิดกฏหมายด้วย ถ้าพบเจอสามารถแจ้งทาง อย. ได้เลย 3. การแพ้ผลิตภัณฑ์เป็นเรื่องส่วนบุคคล อย. ไม่เกี่ยว ผู้บริโภคต้องพิจารณาจากส่วนผสมเอง 4. เพื่อความปลอดภัยผู้บริโภค ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องตามฉลาก (โดยเฉพาะยา) และต้องพิจารณาการโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณต่างๆ อย่าหลงเชื่ออะไรที่มันเวอร์ๆ สุดท้ายแล้ว ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะมีเครื่องหมาย อย.
09-09. 59 น.
ถ้าทำวิธีที่ผ่านๆ มาแล้วยังขจัดคราบไม่ได้ ให้แช่ผ้าในน้ำส้มสายชูผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เป็นเวลา 30 นาที ตอนผ้าเปียกชุ่ม ให้ค่อยๆ ซับคราบด้วยฟองน้ำหรือผ้าทุก 10 นาทีขึ้นไป เสร็จแล้วซักผ้าตามปกติ [12] ห้ามใช้น้ำร้อน เพราะจะทำให้คราบแห้งแข็ง น้ำส้มสายชูกลั่นขาวก็ปลอดภัย ใช้ได้กับทุกวัสดุ ซับด้วยน้ำยาซักแห้ง.
เสื้อผ้าที่โดนหมึกพิมพ์ อย่าปล่อยให้มันแห้งนะ.. จะซักยากมาก ถ้าแช่น้ำทันที.. จะซักออก..
ก่อนจะใช้สเปรย์ฉีดผมหรือวิธีทำความสะอาดอื่นๆ แนะนำให้ทดสอบน้ำยาแค่จุดเล็กๆ ของผ้าก่อน เพื่อเช็คว่าปลอดภัยต่อเส้นใยของผ้าหรือไม่ ให้ฉีดสเปรย์แค่เล็กน้อย บริเวณที่คนจะไม่สังเกตเห็น รอประมาณ 30 นาที แล้วซับออกไป ถ้าบริเวณที่ฉีดสเปรย์ชื้นๆ แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ แสดงว่าปลอดภัย ใช้ขจัดคราบได้ [5] ถ้าสเปรย์ฉีดผมเลอะเป็นคราบหรือทำผ้าสีตก เปลี่ยนสี ก็ห้ามใช้ต่อเด็ดขาด สเปรย์ฉีดผมเหมาะสำหรับผ้าที่มีเส้นใยโพลีเอสเตอร์ผสม ห้ามใช้ขจัดคราบจากหนัง เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ผสมนั้นทำให้หนังเสียหายได้ 3 ฉีดสเปรย์ที่คราบ. พอปูผ้าที่เลอะกางออกแล้ว ให้ถือสเปรย์ห่างจากผ้าประมาณ 1 ไม้บรรทัด แล้วฉีดสเปรย์ใส่คราบให้ทั่วถึง [6] 4 รอสเปรย์เซ็ตตัว. พอฉีดสเปรย์ที่คราบแล้ว ให้ทิ้งไว้ 1 นาที เพื่อให้แอลกอฮอล์ในสเปรย์ไปละลายคราบหมึก แต่ระวังอย่าทิ้งสเปรย์ไว้นานเกินไป ไม่งั้นจะแห้งติดผ้าได้ [7] 5 ซับคราบด้วยผ้าสะอาด. พอทิ้งสเปรย์ไว้ประมาณ 1 นาทีจนเซ็ตตัวแล้ว ให้เริ่มซับคราบด้วยผ้าขาวหรือสำลีก้อน จะเห็นคราบหมึกติดมา ก็ซับคราบไปเรื่อยๆ จนไม่เหลือคราบ หรือจนหมึกไม่ติดผ้ามา [8] ถ้าคราบหายไปแล้ว ก็ซัก/อบตามปกติได้เลย ซับคราบด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล.
เสื้อผ้าของคุณมีคราบสกปรกหรือเปล่า?
คราบหมึกเลอะเสื้อผ้าเป็นอะไรที่ขจัดออกยากมาก แต่ก็พอมีทางอยู่! มีของใช้ในบ้านหลายอย่างที่เอามาซับคราบออกได้ ส่วนจะใช้อะไรก็แล้วแต่ว่ามีติดบ้านไหม จุดสำคัญคือเลอะแล้วต้องรีบขจัดคราบทันทีถึงจะเห็นผล ถ้าทำถูกต้องตามวิธีที่บทความวิกิฮาวนี้แนะนำแล้ว รับรองจะกลับไปใส่เสื้อตัวเก่งได้ในไม่นาน! 1 เอาผ้ารองใต้คราบ. ถ้าเป็นคราบใหม่เพิ่งเลอะ ต้องรีบซับหมึกออกให้เยอะที่สุด ก่อนจะซับหมึก ให้หาผ้าขาวหรือผ้าขี้ริ้ว มารองไว้ใต้ส่วนที่เป็นคราบก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คราบซึมไปถึงด้านหลังของผ้าตอนขจัดคราบ [1] ใช้ผ้าขาวแล้วไม่ต้องกลัวสีตกใส่เสื้อผ้าที่เป็นคราบจนเลอะหนักกว่าเดิม 2 ซับคราบด้วยผ้าขาว. หยิบผ้าขาวมาอีกผืน ใช้ซับที่คราบ ให้ค่อยๆ ซับไปเรื่อยๆ อย่าเช็ดถู เพราะจะทำให้คราบยิ่งฝังแน่นกับเส้นใยผ้า ให้ซับไปแบบนี้จนไม่มีหมึกติดออกมาอีก [2] 3 ซับที่อีกด้านของผ้า. พลิกผ้าที่เป็นคราบ แล้วใช้ผ้าสะอาดรองใต้ส่วนที่เป็นคราบ ซับซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่ผ้าอีกด้าน จนไม่มีหมึกติดออกมาอีก [3] เลือกสเปรย์ฉีดผมสูตรแอลกอฮอล์. อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่สเปรย์ฉีดผมนี่แหละใช้ขจัดคราบหมึกเลอะผ้าได้เป็นอย่างดี ให้หาสเปรย์ฉีดผมสูตรแอลกอฮอล์มา เพราะแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลักของสเปรย์ฉีดผมที่จะช่วยให้คราบแตกตัว [4] ถ้ายังไม่ทำ ให้ปูผ้ากางออก แล้วซ้อนผ้าสะอาดไว้ข้างใต้ส่วนที่เป็นคราบ เตรียมทำความสะอาด 2 ทดสอบสเปรย์แค่จุดเล็กๆ ก่อน.
เคยไหม!? ทานอาหารแบบเร่งรีบระหว่างประชุมนอกสถานที่แล้วอาหารกระเด็น เลอะ เสื้อตัวโปรด พอไปล้างออกในห้องน้ำ ก็กลายเป็นว่า ยิ่งขยี้ยิ่งเปื้อน!
เอาผ้าขาวสะอาดหรือฟองน้ำไปชุบแอลกอฮอล์ล้างแผล แล้วใช้ซับคราบหมึก ค่อยๆ ซับไป ถ้าขจัดคราบหมึกได้แล้ว ก็ซักผ้าตามปกติได้เลย [9] ห้ามใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลกับแอซิเตต ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ และผ้าเรยอน แอลกอฮอล์ล้างแผลใช้ขจัดคราบหมึกได้ดีทุกชนิด ไม่ว่าจะปากกาเมจิกหรือปากกาลูกลื่น เหมาะจะใช้เวลาฉีดสเปรย์ฉีดผมแล้วไม่แรงพอจะขจัดคราบ ใช้กลีเซอรีนกับน้ำยาล้างจาน. ให้ผสมกลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล. ) กับน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา (5 มล. ) ในถ้วย จากนั้นเอาผ้าขาวมาชุบน้ำยาไปซับคราบหมึกด้านใดด้านหนึ่ง พอไม่เหลือคราบแล้ว ก็ให้กลับด้านผ้า แล้วซับคราบหมึกที่ด้านใหม่ [10] พอซับคราบแล้ว ให้ทิ้งผ้าไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นใช้นิ้วป้ายกลีเซอรีนเพิ่มที่คราบ สุดท้ายเปิดน้ำราดผ้าให้ไหลผ่านคราบ ชะเอากลีเซอรีนและน้ำยาออกไป กลีเซอรีนเหมาะจะใช้ขจัดคราบเก่า เพราะทำให้คราบชุ่ม ละลายหมึก น้ำยาล้างจานก็ทำความสะอาดซ้ำอีกที ใช้ได้กับผ้าทุกชนิดเลย 3 ใช้เบคกิ้งโซดากับน้ำ. ถ้าจะขจัดคราบด้วยเบคกิ้งโซดา ให้ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำในสัดส่วน 2 ต่อ 1 ในถ้วย จนได้ paste ไม่หนืดมาก จากนั้นเอาสำลีก้อนป้าย paste นี้ที่คราบหมึก แล้วซับๆ ที่คราบ พอไม่เหลือคราบแล้ว หรือหมึกไม่ติดมาอีกตอนซับ ให้เช็ด paste ออกด้วยผ้าสะอาดหรือทิชชู่ [11] เบคกิ้งโซดาปลอดภัย ใช้ได้กับทุกวัสดุ 4 ขจัดคราบด้วยน้ำส้มสายชู.